รอง ผบ.ตร. ‘เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน’ ล่องใต้ คุมตัว 4 ผู้ต้องหาเมียนมา ทำแผนฆ่าโหด ‘น้องแอปเปิ้ล’ นร.สาว ม.6 ที่ระนอง เริ่มจากแซวแล้วโดนด่าเลยตามมาเอาเรื่อง ก่อนจะชกหน้า ตีหัว แทงจนล้มคว่ำ แล้วยังแทงซ้ำ คนรุมด่าตะโกนแช่ง...
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ต.ค. 58 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผวจ.ระนอง พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ.จว.ระนอง และกำลังตำรวจชุดสืบสวนคดีสังหารโหด “น้องแอปเปิ้ล” นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนชื่อดังใน จ.ระนอง เหตุเกิดภายในซอยสำนักสงฆ์สะพานปลา ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง นำตัว นายโม่ซิน อ่าว มือมีด, นายจอโซ วิน นายเมาเซ้น หรือ ไซกะเดา อายุ 20 ปี และ นายซอเล หรือ เวแล้ อายุ 25 ปี ทั้งหมดเป็นชาวเมียนมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังร่วมกันก่อเหตุฆ่าน้องแอปเปิ้ลเสียชีวิต ท่ามกลางประชาชน และแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก มารอดูโฉมหน้าผู้ต้องหา พร้อมตะโกนส่งเสียงดังสาปแช่งตลอดเวลา
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ประกอบด้วย กก.สส.ภาค 8 กก.สส.ภ.จว.ระนอง และชุดสืบสวน สภ.เมืองระนอง ได้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ต้องสงสัยจากพยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และวัตถุพยานต่างๆ จนได้ตัวผู้ลงมือกระทำความผิดจำนวน 4 คน เป็นชาวเมียนมาทั้งสิ้น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพสอดคล้องกับพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งเชื่อได้ว่า กลุ่มผู้ต้องหาลงมือกระทำจริง
ด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผบก.ภ.จว.ระนองกล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ได้ความว่าทั้ง 4 คนชวนกันมาที่สำนักสงฆ์ เพื่อรอรับศพของเพื่อนที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เมื่อมาถึงพบว่าไม่มีงานศพ จึงได้ชักชวนกันไปนั่งบริเวณม้าหินใกล้ประตูสำนักสงฆ์ ต่อมา ผู้ตายได้เดินมาแล้วหยุดที่ประตู นายซอเลได้เดินไปแซวผู้ตายว่า “น้องสาวสบายดีไหม” ผู้ตายด่ากลับ แล้วผู้ตายเดินต่อไปที่ซอยข้างสำนักสงฆ์ ทั้งหมดจึงวิ่งไปดักรอที่ประตูข้างสำนักสงฆ์อีกด้านที่ติดกับซอยที่ผู้ตายเดินเข้ามา
เมื่อผู้ตายเดินมาถึง ทั้งหมดจึงได้ออกมายืนล้อมผู้ตาย โดยนายเมาเซ้น ได้ถามว่า “เมื่อกี้ด่าใคร” แต่ผู้ตายไม่ได้ตอบ แล้วนายซอเลได้ถามต่อว่า “ล้อเล่นไม่ได้หรือ” แต่ผู้ตายได้ด่ากลับอีกครั้ง นายซอเลจึงต่อยเข้าที่ใบหน้าและบริเวณศีรษะของผู้ตาย ส่วน นายจอโซวิน ชกเข้าที่ใบหน้าเช่นกัน ผู้ตายได้พยายามวิ่งหนี แต่นายจอโซวินได้จับแขนล็อกไพล่หลัง แล้วนายเมาเซ้นหยิบเอาท่อนไม้ไผ่ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวมาตีเข้าบริเวณศีรษะและที่ขาของผู้ตาย จนทรุดลงกับพื้น นายจอโซวินจึงได้ปล่อยมือที่จับไว้ โดยที่ผู้ตายพยายามจะลุกขึ้นหนี แต่นายโม่ซินอ่าวใช้มือซ้ายจับที่บริเวณคอเสื้อด้านหลัง ผู้ตายได้ดิ้นรนต่อสู้ ใช้มือและเล็บข่วนเข้าบริเวณใบหน้าและลำคอของนายโม่ซินอ่าว ด้วยความโกรธ นายโม่ซินอ่าว จึงได้ดึงมีดที่พกออกมา จ้วงแทงที่บริเวณหัวไหล่ด้านขวา ปาดไปที่บริเวณกกหูขวาและบริเวณคอด้านขวา พร้อมกับแทงที่บริเวณชายโครงข้างขวาอีก 1 ครั้ง ทำให้ผู้ตายทรุดลงจนเข่าครูดกับพื้น พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือ
จากนั้น นายเมาเซ้นได้ใช้ไม้ตีที่ศีรษะผู้ตายอีกครั้ง ส่วนนายโม่ซินอ่าวใช้มีดแทงบริเวณชายโครงด้านขวาอีกหลายครั้ง เมื่อผู้ตายคว่ำหน้าลงกับพื้น นายโม่ซินอ่าวได้ยืนคร่อมแล้วแทงที่บริเวณด้านหลังอีกหลายครั้ง ขณะที่นายเมาเซ้นโยนไม้ทิ้ง พร้อมกับร้องบอกให้หนี ทั้งหมดจึงวิ่งเข้าไปภายในสำนักสงฆ์ เพื่อออกประตูเล็กด้านข้างอีกด้านหนึ่ง และได้นำมีดไปทิ้งไว้ในซอยมณีแดง ที่อยู่ห่างออกไปอีก 2 ซอย ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้นหาจนพบมีดเล่มดังกล่าว และตรวจยึดเป็นของกลาง
ภายหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา.
thairath
Post A Comment:
0 comments: