ณ วันนี้หมายเลขฉุกเฉินอย่าง 191 กำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นเบอร์สากล 911 ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงถือโอกาสนี้ นำเสนอประสบการณ์ดิบมันส์ฮาจากตำรวจ 191 ผู้มีหน้าที่รับฟังเรื่องเดือดร้อนรำคาญใจร้อยแปดจากประชาชน โทรมาแจ้งไฟไหม้หัว แต่หัวไหนต้องดู โทรมาบอกว่าโดนข่มขืน แต่โดนข่มขืนจากอะไรต้องอ่าน หรือโทรมาขอใจแลกเบอร์โทรก็ยังมี!
ขออภัยวันนี้ที่เราเล่าเรื่องรบกวน เพราะเรามีเหตุตลกเหตุฮาต้องขอนำเสนอ เราขำมานาน ฝากผู้อ่านติดตามเรื่องเล่าต่อไปนี้ให้ที...

ได้กลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นศพ
พ.ต.ท.ชูชาติ มีแสง สว.ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.ศร.บก.สปพ. (ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191) ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานในศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 มาแล้วกว่า 37 ปี เล่าว่า ในช่วงใกล้ค่ำวันหนึ่งขณะที่ตนรอรับโทรศัพท์แจ้งเหตุ แต่แล้วก็มีสายโทรเข้าจากชายผู้หนึ่งโทรมาแจ้งเหตุว่า “ผมได้กลิ่นเหม็นเหมือนศพ กลิ่นมันลอยมาจากข้างบ้านผม” ซึ่งชายผู้นี้อาศัยอยู่ในบ้านทาวน์โฮมที่ต้องใช้กำแพงบ้านร่วมกับบ้านอีกหลังหนึ่ง บ้านข้างๆ ที่เขาเชื่อว่ามีการตายเกิดขึ้นแน่นอน

พ.ต.ท.ชูชาติ ซักถามรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ได้ใจความว่า ผู้ที่โทรเข้ามาแจ้งและชาวบ้านโดยรอบต่างเชื่อว่า หญิงสาวเจ้าของบ้านเป็นหญิงชราที่อาศัยในบ้านหลังนี้มานานหลายสิบปี ซึ่งปกติเธอจะออกไปทำงานทุกเช้า โดยปั่นจักรยานสีแดงคันโปรดของเธอออกไปทำงาน และจะกลับเข้ามาบ้านในเวลาเย็นๆ แต่ช่วง 5 วันที่ผ่านมา ไม่มีใครเห็นเธอออกจากบ้าน รวมทั้ง จักรยานสีแดงคันเดิมของเธอยังจอดอยู่ที่เก่า ไร้ร่องรอยขยับเขยื้อนใดๆ มิหนำซ้ำ ยังมีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนศพโชยออกมาจากในบ้านของเธอตลอดทั้งวัน
ทางศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจในพื้นที่นั้นๆ เข้าไปในที่เกิดเหตุโดยเร็ว และเมื่อเจ้าหน้าที่สายตรวจเดินทางไปถึงกลับพบว่า มีชาวบ้านยืนอออยู่บริเวณหน้าบ้านต้นเหตุเป็นจำนวนมาก และทุกคนมั่นใจว่า ต้องมีการตายเกิดขึ้นในบ้านของหญิงชราผู้นี้อย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยังได้กลิ่นเหม็นลอยโชยออกมาจากตัวบ้านเช่นกัน
เห็นท่าไม่ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเปิดประตูบ้านเข้าไปดูว่า เกิดเหตุร้ายใดๆ ขึ้นในบ้านของหญิงชราผู้โดดเดี่ยว แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปได้แล้ว ทุกคนที่มองเข้าไปถึงกับผงะ เพราะเจอศพจริงๆ!
แต่...แต่เป็นศพแมวที่เจ้าของบ้านเลี้ยงไว้ ส่วนเจ้าของบ้านเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกหลาน งานนี้ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับเงิบไปตามๆ กัน


หนูโดนข่มขืน! พี่ช่วยหนูด้วย หนูไม่ไหวแล้ว
ส.ต.ต.ธนบดินทร์ พรมรักษ์ ผบ.หมู่ชุดปฏิบัติการ กก.ศร.บก.สปพ. เล่าประสบการณ์รับสายจากนักป่วนแสดงเนียนว่า มีผู้หญิงเสียงสาวๆ ใสๆ คนหนึ่งโทรเข้ามาแจ้งเหตุ เธอทำเสียงร้อนรนเหมือนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์มิดีมิร้าย พร้อมกับเล่าอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวใครมาเห็นว่า “คุณตำรวจมาช่วยหนูด้วย ตอนนี้หนูถูกผู้ชาย 3 คนจับตัวมา หนูไม่รู้หนูอยู่ที่ไหน ที่นี่มืดมาก มองออกไปข้างนอกไม่เห็น แต่ตอนเดินเข้ามารู้ว่าสองข้างทางเป็นดงหญ้า พี่มาช่วยหนูเร็วๆ มันบอกว่าจะข่มขืนหนู ถ้าพ่อแม่หนูไม่ส่งตังค์ไปให้มัน”
หญิงสาว ผู้มีชะตากรรมมืดมน ตอบมาในทันทีว่า “จะบอกแม่หนูหรอ โอเคพี่ งั้นหนูไม่โดนข่มขืนแล้ว ว่าแต่พี่มีแฟนยัง หนูอยากมีแฟนเป็นตำรวจอ่ะค่ะ”


ป้าจิตสัมผัส! ชื่อเรียกขาน ขาประจำ 191
ส.ต.ต.ธนบดินทร์ พรมรักษ์ ผบ.หมู่ชุดปฏิบัติการ กก.ศร.บก.สปพ. เล่าเรื่องราวของหญิงผู้หนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ต่างเรียกขานเธอว่า ป้าจิตสัมผัส อายุอานามน่าจะราว 55 ปีพอจะได้ ป้าขาประจำที่มีเรื่องราวแจ้งเหตุเข้ามาได้ทุกวัน วันละหลายครั้งหลายหน จนเจ้าหน้าที่ที่นี่สามารถจำเสียงเธอได้ทันที เพียงแค่ป้าพูดคำว่า "ฮัลโหล" เท่านั้น
โดยเรื่องที่ป้ามักจะโทรมาแจ้งซ้ำๆ คือ “ป้าโดนขโมยลูก ช่วยตามหาลูกให้ป้าทีได้ไหม” ตอนแรกที่รับแจ้งเรื่องของป้า เจ้าหน้าที่คนรับเรื่องเชื่อถือในเรื่องที่ป้าเล่ามากๆ เพราะป้าเล่าเป็นฉากๆ ถามรายละเอียดเหตุ ป้าตอบได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุรู้สึกไม่สบายใจตามป้าไปด้วย เพราะเข้าใจอารมณ์ของคนเป็นแม่ ที่วันหนึ่งลูกหายตัวไป

ทางศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 จึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้าไปให้ความช่วยเหลือ กลับพบว่า ป้าที่พวกเราเฝ้าเป็นห่วง เป็นคนสติไม่สมประกอบ เธอโสดและไม่มีสามี และมักร้องหาลูกจนชาวบ้านในละแวกนั้นเดือดร้อนรำคาญและอยากให้แกย้ายไปอยู่ที่อื่น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปพูดคุยหาข้อเท็จจริงกับป้าว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายก็ได้รับคำตอบว่า ป้าเคยมีลูก เพราะจิตป้าบอกว่า ตัวเองเคยมีลูก เพราะฉะนั้น ป้าเลยต้องออกตามหาลูกให้เจอให้ได้
ส.ต.ต.ธนบดินทร์ เล่าประสบการณ์ป้าจิตสัมผัสที่เจอมาด้วยตัวเองว่า “เรื่องล่าสุดที่ป้าโทรเข้ามาแจ้ง ผมเป็นคนรับ ป้าโทรมาแจ้งว่า ข้างบ้านของป้ารับประทานเนื้อสุนัข ป้ารับไม่ได้และคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นเสมือนการทารุณกรรมสัตว์ แต่พอถามว่าป้ายืนยันได้ไหมว่า เขาทำเช่นนี้จริงๆ และป้ารู้ได้อย่างไร ป้ากลับตอบว่า ป้ารู้ได้ด้วยจิต จิตของป้าสามารถเดินไปดูที่ข้างบ้านได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ร่างกายเดินเข้าไป...”

“บางคนโทรมาเล่นมุก แต่คุณรู้ไหม มุกตลกในความคิดของคุณ มันอาจไม่ตลกกับชีวิตคนอื่น หลายต่อหลายคนที่แจ้งเข้ามาว่า ไฟไหม้หัวๆ เรารู้ว่าคุณเล่น เราตอบได้เลยว่า ไฟไหม้ที่หัวไม้ขีดใช่ไหม แต่คุณกลับเล่นแรงกว่านั้น คุณตอบว่า ไฟไหม้หัวจริง แต่ไฟไหม้หัวพ่อมึง หรือบางครั้ง โทรเข้ามาด่าว่า พ่อตายๆ ในหนึ่งวันมีคนโทรมาบอกว่า พ่อตายเป็นสิบๆ คน บางครั้งการกระทำเช่นนี้ มันตลกไม่ออก มันกลายเป็นเรื่องของบุพการี เพราะเคยมีพ่อของเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุคนหนึ่งกำลังได้รับการผ่าตัดจากแพทย์ แต่กลับมีคนโทรมาด่าว่าพ่อตายๆ ตลอดทั้งวัน จนวันนั้นเขาขอกลับไปดูพ่อที่โรงพยาบาล เพราะรู้สึกว่า ลางไม่ดีแล้ว ดังนั้น อย่าโทรมาป่วนเลย เพราะคุณอาจทำให้คนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ ต้องเสียเวลารอสาย และอาจลุกลามบานปลายจนเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างที่ไม่น่าจะเกิด” พ.ต.ท.ชูชาติ มีแสง เล่าเรื่องราวชีิวิตที่ไม่เคยมีใครเห็นของผู้ที่ทำงาน ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191.
thairath
ขออภัยวันนี้ที่เราเล่าเรื่องรบกวน เพราะเรามีเหตุตลกเหตุฮาต้องขอนำเสนอ เราขำมานาน ฝากผู้อ่านติดตามเรื่องเล่าต่อไปนี้ให้ที...
ได้กลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นศพ
พ.ต.ท.ชูชาติ มีแสง สว.ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.ศร.บก.สปพ. (ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191) ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานในศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 มาแล้วกว่า 37 ปี เล่าว่า ในช่วงใกล้ค่ำวันหนึ่งขณะที่ตนรอรับโทรศัพท์แจ้งเหตุ แต่แล้วก็มีสายโทรเข้าจากชายผู้หนึ่งโทรมาแจ้งเหตุว่า “ผมได้กลิ่นเหม็นเหมือนศพ กลิ่นมันลอยมาจากข้างบ้านผม” ซึ่งชายผู้นี้อาศัยอยู่ในบ้านทาวน์โฮมที่ต้องใช้กำแพงบ้านร่วมกับบ้านอีกหลังหนึ่ง บ้านข้างๆ ที่เขาเชื่อว่ามีการตายเกิดขึ้นแน่นอน
พ.ต.ท.ชูชาติ ซักถามรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ได้ใจความว่า ผู้ที่โทรเข้ามาแจ้งและชาวบ้านโดยรอบต่างเชื่อว่า หญิงสาวเจ้าของบ้านเป็นหญิงชราที่อาศัยในบ้านหลังนี้มานานหลายสิบปี ซึ่งปกติเธอจะออกไปทำงานทุกเช้า โดยปั่นจักรยานสีแดงคันโปรดของเธอออกไปทำงาน และจะกลับเข้ามาบ้านในเวลาเย็นๆ แต่ช่วง 5 วันที่ผ่านมา ไม่มีใครเห็นเธอออกจากบ้าน รวมทั้ง จักรยานสีแดงคันเดิมของเธอยังจอดอยู่ที่เก่า ไร้ร่องรอยขยับเขยื้อนใดๆ มิหนำซ้ำ ยังมีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนศพโชยออกมาจากในบ้านของเธอตลอดทั้งวัน
ทางศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจในพื้นที่นั้นๆ เข้าไปในที่เกิดเหตุโดยเร็ว และเมื่อเจ้าหน้าที่สายตรวจเดินทางไปถึงกลับพบว่า มีชาวบ้านยืนอออยู่บริเวณหน้าบ้านต้นเหตุเป็นจำนวนมาก และทุกคนมั่นใจว่า ต้องมีการตายเกิดขึ้นในบ้านของหญิงชราผู้นี้อย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยังได้กลิ่นเหม็นลอยโชยออกมาจากตัวบ้านเช่นกัน
เห็นท่าไม่ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามเปิดประตูบ้านเข้าไปดูว่า เกิดเหตุร้ายใดๆ ขึ้นในบ้านของหญิงชราผู้โดดเดี่ยว แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปได้แล้ว ทุกคนที่มองเข้าไปถึงกับผงะ เพราะเจอศพจริงๆ!
แต่...แต่เป็นศพแมวที่เจ้าของบ้านเลี้ยงไว้ ส่วนเจ้าของบ้านเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกหลาน งานนี้ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับเงิบไปตามๆ กัน
หนูโดนข่มขืน! พี่ช่วยหนูด้วย หนูไม่ไหวแล้ว
ส.ต.ต.ธนบดินทร์ พรมรักษ์ ผบ.หมู่ชุดปฏิบัติการ กก.ศร.บก.สปพ. เล่าประสบการณ์รับสายจากนักป่วนแสดงเนียนว่า มีผู้หญิงเสียงสาวๆ ใสๆ คนหนึ่งโทรเข้ามาแจ้งเหตุ เธอทำเสียงร้อนรนเหมือนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์มิดีมิร้าย พร้อมกับเล่าอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวใครมาเห็นว่า “คุณตำรวจมาช่วยหนูด้วย ตอนนี้หนูถูกผู้ชาย 3 คนจับตัวมา หนูไม่รู้หนูอยู่ที่ไหน ที่นี่มืดมาก มองออกไปข้างนอกไม่เห็น แต่ตอนเดินเข้ามารู้ว่าสองข้างทางเป็นดงหญ้า พี่มาช่วยหนูเร็วๆ มันบอกว่าจะข่มขืนหนู ถ้าพ่อแม่หนูไม่ส่งตังค์ไปให้มัน”
ส.ต.ต.ธนบดินทร์ เล่าต่อว่า วินาทีนั้น ตนตกใจและอยากช่วยผู้หญิงคนนี้มาก แต่อุปสรรคสำคัญคือ เธอไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ตนจึงถามชื่อเสียงเรียงนามและชื่อพ่อแม่ของหญิงสาวผู้นี้ หญิงสาวเงียบไป จนทำให้ตนรู้สึกว่า เธออาจจะแอบคนร้ายอยู่ เพราะถ้าเธอตอบอะไรมาตอนนี้ คนร้ายอาจจะรู้ว่า เธอกำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เธอเงียบหายไปอึดใจหนึ่ง และค่อยๆ พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “จะบอกได้หรอ? หนูกลัวพ่อแม่เดือดร้อน” ส.ต.ต.ธนบดินทร์ เริ่มเอะใจจึงชี้แจงต่อหญิงสาวว่า “น้องต้องบอกครับ เพราะมีประโยชน์ในการช่วยเหลือชีวิตน้องอย่างมาก และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า น้องยังจะสามารถบอกข้อมูลกับเราได้มากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้น ข้อมูลเหล่านี้จึงมีความจำเป็นอย่างมาก และทางเราจะโทรติดต่อไปยังพ่อแม่ของน้อง เพื่อวางแผนให้ความช่วยเหลือต่อไป”
เธอเงียบหายไปอึดใจหนึ่ง และค่อยๆ พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “จะบอกได้หรอ? หนูกลัวพ่อแม่เดือดร้อน” ส.ต.ต.ธนบดินทร์ เริ่มเอะใจจึงชี้แจงต่อหญิงสาวว่า “น้องต้องบอกครับ เพราะมีประโยชน์ในการช่วยเหลือชีวิตน้องอย่างมาก และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า น้องยังจะสามารถบอกข้อมูลกับเราได้มากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้น ข้อมูลเหล่านี้จึงมีความจำเป็นอย่างมาก และทางเราจะโทรติดต่อไปยังพ่อแม่ของน้อง เพื่อวางแผนให้ความช่วยเหลือต่อไป”
ป้าจิตสัมผัส! ชื่อเรียกขาน ขาประจำ 191
ส.ต.ต.ธนบดินทร์ พรมรักษ์ ผบ.หมู่ชุดปฏิบัติการ กก.ศร.บก.สปพ. เล่าเรื่องราวของหญิงผู้หนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ต่างเรียกขานเธอว่า ป้าจิตสัมผัส อายุอานามน่าจะราว 55 ปีพอจะได้ ป้าขาประจำที่มีเรื่องราวแจ้งเหตุเข้ามาได้ทุกวัน วันละหลายครั้งหลายหน จนเจ้าหน้าที่ที่นี่สามารถจำเสียงเธอได้ทันที เพียงแค่ป้าพูดคำว่า "ฮัลโหล" เท่านั้น
โดยเรื่องที่ป้ามักจะโทรมาแจ้งซ้ำๆ คือ “ป้าโดนขโมยลูก ช่วยตามหาลูกให้ป้าทีได้ไหม” ตอนแรกที่รับแจ้งเรื่องของป้า เจ้าหน้าที่คนรับเรื่องเชื่อถือในเรื่องที่ป้าเล่ามากๆ เพราะป้าเล่าเป็นฉากๆ ถามรายละเอียดเหตุ ป้าตอบได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุรู้สึกไม่สบายใจตามป้าไปด้วย เพราะเข้าใจอารมณ์ของคนเป็นแม่ ที่วันหนึ่งลูกหายตัวไป
ทางศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 จึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้าไปให้ความช่วยเหลือ กลับพบว่า ป้าที่พวกเราเฝ้าเป็นห่วง เป็นคนสติไม่สมประกอบ เธอโสดและไม่มีสามี และมักร้องหาลูกจนชาวบ้านในละแวกนั้นเดือดร้อนรำคาญและอยากให้แกย้ายไปอยู่ที่อื่น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปพูดคุยหาข้อเท็จจริงกับป้าว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายก็ได้รับคำตอบว่า ป้าเคยมีลูก เพราะจิตป้าบอกว่า ตัวเองเคยมีลูก เพราะฉะนั้น ป้าเลยต้องออกตามหาลูกให้เจอให้ได้
ส.ต.ต.ธนบดินทร์ เล่าประสบการณ์ป้าจิตสัมผัสที่เจอมาด้วยตัวเองว่า “เรื่องล่าสุดที่ป้าโทรเข้ามาแจ้ง ผมเป็นคนรับ ป้าโทรมาแจ้งว่า ข้างบ้านของป้ารับประทานเนื้อสุนัข ป้ารับไม่ได้และคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นเสมือนการทารุณกรรมสัตว์ แต่พอถามว่าป้ายืนยันได้ไหมว่า เขาทำเช่นนี้จริงๆ และป้ารู้ได้อย่างไร ป้ากลับตอบว่า ป้ารู้ได้ด้วยจิต จิตของป้าสามารถเดินไปดูที่ข้างบ้านได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ร่างกายเดินเข้าไป...”
“บางคนโทรมาเล่นมุก แต่คุณรู้ไหม มุกตลกในความคิดของคุณ มันอาจไม่ตลกกับชีวิตคนอื่น หลายต่อหลายคนที่แจ้งเข้ามาว่า ไฟไหม้หัวๆ เรารู้ว่าคุณเล่น เราตอบได้เลยว่า ไฟไหม้ที่หัวไม้ขีดใช่ไหม แต่คุณกลับเล่นแรงกว่านั้น คุณตอบว่า ไฟไหม้หัวจริง แต่ไฟไหม้หัวพ่อมึง หรือบางครั้ง โทรเข้ามาด่าว่า พ่อตายๆ ในหนึ่งวันมีคนโทรมาบอกว่า พ่อตายเป็นสิบๆ คน บางครั้งการกระทำเช่นนี้ มันตลกไม่ออก มันกลายเป็นเรื่องของบุพการี เพราะเคยมีพ่อของเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุคนหนึ่งกำลังได้รับการผ่าตัดจากแพทย์ แต่กลับมีคนโทรมาด่าว่าพ่อตายๆ ตลอดทั้งวัน จนวันนั้นเขาขอกลับไปดูพ่อที่โรงพยาบาล เพราะรู้สึกว่า ลางไม่ดีแล้ว ดังนั้น อย่าโทรมาป่วนเลย เพราะคุณอาจทำให้คนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ ต้องเสียเวลารอสาย และอาจลุกลามบานปลายจนเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างที่ไม่น่าจะเกิด” พ.ต.ท.ชูชาติ มีแสง เล่าเรื่องราวชีิวิตที่ไม่เคยมีใครเห็นของผู้ที่ทำงาน ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191.
thairath
Post A Comment:
0 comments: