ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อดังกล่าว ทำให้องค์การทางการแพทย์ทั่วโลก พยายามศึกษา และค้นคว้าทำความเข้าใจต่อการรับมือกับโรคดังกล่าวอย่างจริงจัง
ล่าสุดเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ออกมาประกาศเตือนหญิงตั้งครรภ์ ให้หลักเลี่ยงการใช้ริมฝีปาก สัมผัสกับริมฝีปากของผู้อื่น และใช้ถุงยางอนามัยควบคู่ไปกับการมีเพศสัมพันธ์ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า ‘ไวรัสซิกา’ จะติดต่อทางการจูบ หรือ การมีเซ็กส์
เจ้าหน้าที่จากองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เรียกร้องให้หลายประเทศในแถบละตินอเมริกา ผ่อนปรนกฎหมายข้อห้ามการทำแท้งในทุกกรณี เพราะเด็กที่เกิดจากมารดาที่มีเชื้อซิกา อาจเกิดมามีสมองผิดปกติ และศีรษะเล็กกว่าเด็กทารกทั่วไป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ มีความเชื่อมโยงกับไวรัสซิกาทั้งสิ้น
โดยข้อแนะนำดังกล่าว เริ่มขึ้นที่ประเทศบราซิล ที่มีเชื้อซิการะบาดรุนแรงที่สุดเป็นประเทศแรก เนื่องจากมีการพบเชื้อไวรัสในน้ำลาย และปัสสาวะ ซึ่งนั่นหมายความว่า เชื้ออาจจะปะปนอยู่ในของเหลวในร่างกาย แต่ยังไม่มีความแน่นอน หากแต่จะต้องศึกษาค้นคว้าต่อไป
นอกจากประชาชนจะต้องระมัดระวังเรื่องการจูบกับผู้อื่นแล้ว ยังต้องระวังในการใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารกับผู้อื่นร่วมด้วยเพื่อความปลอดภัย โดยประกาศได้ถูกปล่อยออกมาในช่วงวันศุกร์ที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะจะเป็นช่วงติดกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะออกมาปาร์ตี้สังสรรค์กันเป็นจำนวนมาก
นักวิทยาศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ไวรัสซิกา เป็นเชื้อที่มีความท้าทายในการคิดค้นวิจัยอย่างสูง ทั้งนี้ทั้งนั้น มีการแพร่กระจายผ่านทางยุงเป็นพาหะ และเป็นผลให้เกิดการแพร่กระจายไปกว่า 20 ประเทศในทวีปอเมริกา
แม้ว่าซิกา จะเป็นโรคที่ไม่ส่งผลรุนแรงมากนัก แต่อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ผู้ป่วย ทั้งนี้อาจเป็นชนวนไปสู่การเจ็บป่วยในรูปแบบอื่น ๆ ได้
Post A Comment:
0 comments: