(16 ก.พ.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ ได้ควบคุมตัว นายพิพัฒน์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรมหั่นศพ นางสุรีย์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านนวดและสปาแห่งหนึ่ง มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในบ้านหลังที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่คุมกันจำนวนหนึ่ง
การทำแผนประกอบคำรับสารภาพครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการสอบสวนอย่างละเอียด นายพิพัฒน์ รับสารภาพว่าก่อเหตุไปเพราะอารมณ์หึงหวง เนื่องจากพบว่าฝ่ายหญิงตีตัวออกห่าง อีกทั้งยังคุยกับชายอื่น จึงทำให้เกิดทะเลาะมีปากเสียงและแย่งมีดกัน กระทั่งแย่งมาได้และกระหน่ำแทง 4 ครั้ง เป็นเหตุทำให้เสียชีวิต
นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ ยังสารภาพว่า เลียนแบบวิธีการหั่นศพมาจากภาพยนตร์ รวมทั้งคดีสะเทือนขวัญล่าสุดที่เกิดขึ้นกับนักธุรกิจชาวสเปน ประกอบกับความโกรธแค้นและหึงหวงจึงก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้หลังก่อเหตุเกิดความรู้สึกผิดบาปและเสียใจ จึงหันไปปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบ แต่ตอนนี้พร้อมที่จะรับโทษฑัณ์กับสิ่งที่ทำลงไป
นายพิพัฒน์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปทำงานที่ประเทศตุรกี แต่ก็ยังคงส่งเงินให้ฝ่ายหญิงได้ใช้จ่ายอยู่ตลอดๆ กระทั่งเมื่อ 1 เดือนก่อน ตนกลับมาอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุ พบว่าเงินที่ส่งมาถูกนำไปลงทุนเปิดร้านสปาและนวด ขณะที่เงินส่วนอื่นๆ แทบไม่เหลือแล้ว
ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระหว่างที่ นางสุรีย์ เข้าห้องน้ำอาบน้ำ มีเสียงแจ้งเตือนแชทจากโทรศัพท์ดังไม่หยุด ตนจึงไปเปิดอ่านดู พบว่ามีการพูดคุยอยู่กับชายอื่น ในลักษณะทางชู้สาว เมื่อไปสอบถามกับเจ้าตัว จึงเกิดทะเลาะมีปากเสียงอย่างรุนแรง เพราะตนเชื่อว่าเงินทำงานที่ส่งให้มา นางสุรีย์ นำไปเลี้ยงดูชายอื่น
นายพิพัฒน์ เล่าเหตุการณ์ในคืนวันเกิดเหตุว่า นางสุรีย์ คว้ามีดออกมาขู่ จึงเกิดการยื้อแย่งกัน ทำให้มีดพลาดแทงโดนตัว นางสุรีย์ ล้มลงนอนจมกองเลือดและเสียชีวิต ด้วยความกลัวและไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร จึงตัดสินใจหั่นศพ นางสุรีย์ ออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปทิ้งแม่น้ำปิง แต่ลงมือไปได้เพียง 6 ชิ้น ก็เกิดเจ็บมือและหั่นต่อไม่ได้
หลังจากหั่นศพ ตนจึงคิดวางแผนอำพรางศพ ด้วยการเอาเทียนไขมาวางไว้บนไส้จุดโคมลอย จุดไฟแล้วรอให้ไฟไหม้บ้าน ก่อนจะหลบหนีไปบวชที่สำนักสงฆ์ โดยไม่ทราบว่าไฟไม่ได้ไหม้บ้านและเผาศพตามที่ตั้งใจไว้ กระทั่งผ่านไป 10 วัน จึงถูกเจ้าหน้าที่ตามมาจับกุมดังกล่าว
ขณะที่ทางด้าน น้องสาวของนางสุรีย์ ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังมีกระแสข่าวออกไปลักษณะปลอกลอกผู้ต้องหา โดยยืนยันว่า นางสุรีย์ เป็นคนขยันทำมาหากิน เคยอยู่กินกับสามีต่างชาติ แม้จะเลิกราไปแล้ว แต่สามีฝรั่งก็ยังส่งเสียเลี้ยงดูอยู่
ทั้งนี้ ญาติของผู้เสียชีวิต ยังระบุว่า ยังไม่ค่อยเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา ที่บอกว่าเกิดจากความหึงหวง เนื่องจากพบว่า ทรัพย์สินบางอย่างของผู้เสียชีวิตได้สูญหายไป เช่น ทองรูปพรรณ แหวนเพชร และอื่นๆ มูลค่าหลายแสนบาท โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุฆ่าเพื่อหวังชิงททรัพย์มากกว่า จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ขยายผลการสืบสวนประเด็นนี้ด้วย
หลังจากทำแผนเสร็จสิ้นใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไปโดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น มีแต่ชาวบ้านที่มามุงดูและวิพากษ์วิจารณ์ความโหดเหี้ยมของฆาตกรรายนี้
sanook
Post A Comment:
0 comments: