ตร.คลิปดังเข้าชี้แจง พบเสียงปกติก็คล้ายคนเมา

ตร.คลิปดังเข้าชี้แจง พบเสียงปกติก็คล้ายคนเมา
Share it:

ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปตร.เมาขณะปฏิบัติงาน ให้พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปตรวจสอบลั่นผิดจริงไม่ละเว้น ต่อมา รอง ผกก.จร.สน.วังทองหลาง นำตัวดาบตำรวจในคลิป เข้าชี้แจง ก่อนเผยเป็นคนพูดเสียงยานๆ หน้าแดงอยู่ตลอดเวลา และมีความผิดปกติที่กระดูกสันหลัง เวลาเดินลักษณะคล้ายคนเมา ซึ่งเจ้าตัวยันไม่ได้ดื่มสุรา ผู้สื่อข่าวบุกไปหาถึงแฟลตตร. พบภรรยา วอนเห็นใจ ต้องเลี้ยงดูลูกสาวป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ฐานะครอบครัวก็ไม่ดีทำให้เครียด ปกติสามีดื่มเหล้าบ้างแต่ไม่ถึงกับพูดไม่รู้เรื่อง หลังเป็นข่าวลูกๆ อีก 2 คนพลอยเครียดไม่อยากไปโรงเรียน กลัวถูกเพื่อนล้อบช.น.สั่งตั้งกรรมการสอบ


วันที่ 6 ก.ค. จากกรณีสังคมออนไลน์ มีการโพสต์คลิปและข้อความ การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรนายหนึ่ง บริเวณถนนเลียบด่วนรามอินทรา โดยคลิปดังชื่อว่า "กล้องวงจรปิด กล้องวงจรปิด" ในคลิปปรากฏภาพของตำรวจจราจร ไม่ทราบสังกัด อยู่ในอาการคล้ายกับเมาสุรา โดยผู้ที่ถ่ายพยายามถามว่า ดื่มสุราแล้วทำไมถึงมาตั้งด่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่นายดังกล่าว พูดว่า "ผมเมา ผมไม่ขับ" ทั้งยังยอมรับอีกว่า "ก็เมานิดหน่อย" ทั้ง 2 ฝ่ายมีการพูดโต้ตอบกัน ต่อมานายตำรวจคนดังกล่าว พยายามคว้ามือถือที่ถ่ายแต่ทางผู้ถ่ายให้เหตุผลว่า เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ นายตำรวจดังกล่าวจึงเดินจากไป หลังเผยแพร่ออกไปมีผู้เข้าไปดูและวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้สั่งให้ตรวจสอบว่านายตำรวจที่ปรากฏในคลิปเป็นใคร ตรงนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคลิปลักษณะอย่างนี้ จำได้เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนมีคลิปลักษณะแบบนี้แถวถนนพระราม 3 มีคนแต่งกายครึ่งท่อนคล้ายตำรวจยืนขอเหล้าตามร้านค้า เมื่อพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นบุคคลธรรมดาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ส่วนคลิปที่ตนได้ดูนั้นไม่ได้แต่งกายคล้ายตำรวจแต่เป็นเครื่องแบบตำรวจ ก็ได้มอบให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ถ้าเกิดเป็นการกระทำผิดจริง ตนรับรองว่าไม่ไม่มีการละเว้นแน่นอน เพราะว่าดูแล้วน่าเกลียด ยอมรับว่าคลิปนี้มันชัดเจนมาก


ต่อมาพ.ต.ท.ภาษิต ไพรัตน์ รอง ผกก.จร.สน.วังทองหลาง นำตัวด.ต.จักรวาล วงศ์ชัย ผบ.หมู่งานจราจร สน.วังทองหลาง ซึ่งเป็นตำรวจที่ปรากฏในคลิป เข้าพบพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกตร. เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยด.ต.จักรวาลมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ปฏิเสธที่ให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด


พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ได้รับการชี้แจงว่าเป็นการจับกุมข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายจราจรตามปกติ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เหตุเกิดบริเวณจุดกลับรถ ซ.ลาดพร้าว 86 ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งมีการยั่วยุกันจึงไม่ได้มีการจับกุม จากการสอบถาม ด.ต.จักรวาล ยืนยันว่าไม่ได้มีการเมาสุราขณะปฏิบัติหน้าที่ และก่อนที่จะมาเข้าเวรก็ไม่ได้ดื่มสุราแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าด.ต.จักรวาลมีอาการเมาสุราจริงหรือไม่ โดยได้สั่งการให้ผกก.สน.วังทองหลาง ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่าปกติด.ต.จักรวาล เป็นคนที่พูดจาเสียงยานๆ หน้าแดงอยู่ตลอดเวลา และมีความผิดปกติที่กระดูกสันหลัง ทำให้เวลาเดินลักษณะคล้ายคนเมา อาการทั่วไปก็ดูแปลกๆ แต่ที่ยืนยันได้คือพฤติกรรมที่แสดงออก รวมทั้งคำพูดที่ปรากฏในคลิป ไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน ตรงนี้ได้สั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยด้วย โดยระหว่างนี้จะให้พักการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้ไปช่วยงานธุรการ นอกจากนี้จะเชิญผู้ที่ถ่ายคลิปมาให้การเป็นพยานด้วย


พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า กรณีนี้ไม่ได้เป็นการตั้งด่าน เป็นการจับกุมธรรมดา ซึ่งเป็นคำสั่งของตนเองที่สั่งให้ตำรวจจราจรทุกนายลงพื้นที่ในช่วงเย็นหลังเวลา 15.00 น. ตามจุดวิกฤตต่างๆ ซึ่งจุดที่เกิดเหตุก็เป็นจุดที่มีเส้นทึบ เป็นจุดกลับรถที่มีรถมารอกลับรถเป็นจำนวนมาก จึงต้องมีตำรวจจราจรดูแล เวลาจะมีการกลับรถจะให้เรียงคิวกลับไม่ให้มีการปาดหน้า โดยผู้ที่ถ่ายคลิปนี้ได้ทำผิดกฎจราจร ไปปาดหน้าแซงคิวรถคันอื่นเพื่อจะกลับรถ ทั้งนี้การถ่ายคลิปสามารถทำได้เป็นสิทธิ แต่อย่าไปทำคนอื่นเสียหาย หากมีการนำไปอัพโหลดลงในระบบคอมพิวเตอร์หรือโซเชี่ยลมีเดีย แต่ข้อมูลเป็นเท็จหรือไปสร้างความเสียหายต่อผู้อื่น ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์


ด้านพ.ต.ท.ภาษิตเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ด.ต.จักรวาลมีความเครียดเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี ภรรยาก็ไม่ได้ทำงาน ต้องดูแลลูกคนเล็กวัย 5 ขวบ ซึ่งป่วยเป็นออร์ทิสติก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่ผ่านมาตนพยายามที่จะให้กำลังใจบอกให้สู้เพื่อลูก ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีดื่มสุราบ้าง แต่ไม่เคยเมาสุราขณะปฏิบัติหน้าที่ และไม่เคยมีพฤติกรรมไม่ดี จนทำให้เสียหายต่อหน้าที่การงาน อยากให้สื่อมวลชนให้ความเป็นธรรม ภาพที่ปรากฏในคลิปคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าด.ต.จักรวาลเมาสุราขณะปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามตรงนี้เป็นวิจารณญาณของคนที่ดูคลิป ส่วนพฤติกรรมในคลิปยอมรับว่าไม่เหมาะสมก็ต้องดำเนินการในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามตนในฐานะผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ด.ต.จักรวาล เขียนรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว


ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาได้ชี้แจงว่า ตำรวจจราจรคนดังกล่าวปกติมีลักษณะการพูดคล้ายคนมึนเมาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากพบว่ามึนเมาจริงก็ต้องลงโทษตามระเบียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวรายงานด้วยวาจาว่าไม่ได้เมาสุรา เมื่อมีตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ไม่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว


ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สน.วังทองหลาง แต่ไม่พบตัวด.ต.จักรวาล ด้านเพื่อนร่วมงานของ ด.ต.จักรวาลกล่าวว่า ปกติเจ้าตัวมีบุคลิกคล้ายคนเมาอยู่แล้ว เลยอาจจะทำให้คนที่เห็นคิดว่าเมามากจะเดินไม่ไหว ซึ่งในเวลาทำงานเพื่อนๆ ก็มักจะแซวกันอยู่ตลอดว่าเมามาอีกแล้ว


จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังห้องเลขที่ 289/230 ชั้น 5 แฟลตตำรวจด้านหลัง สน. วังทองหลาง ซึ่งเป็นห้องพักของด.ต. จักรวาล พบนางศิริอร วงศ์ชัย อายุ 33 ปี ภรรยา กำลังดูแลลูกสาวซึ่งมีอาการป่วยอยู่ โดยนางศิริอรกล่าวว่าอยู่กินกับด.ต.จักวาล มานานกว่า 17 ปี และมีบุตรด้วยกัน 3 คน คนโตอายุ 14 ปี คนกลางอายุ 10 ขวบ และคนเล็กอายุ 5 ขวบ ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและต้องให้อาหารทางช่องท้อง ก่อนหน้านี้ด.ต.จักรวาลเป็นคนไม่ดื่มเหล้า เพิ่งมาดื่มช่วงหลังที่ลูกสาวคนเล็กเกิดมา ประกอบกับฐานะครอบครัวไม่ค่อยจะดีนัก ทางผู้บังคับบัญชาจึงให้ย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังไม่พออยู่ดีเพราะลูกสาวคนเล็กต้องเดินทางไปพบหมอทุกเดือน ตนก็ไม่ได้ทำงานเพราะต้องอยู่ดูแลลูก ทำให้ด.ต.จักรวาลเคลียดเพราะต้องหาเงินคนเดียว ส่วนที่เห็นเดินคล้ายคนเมา เป็นเพราะป่วยเป็นโรคกระดูกสันหลังอักเสบ จนยืดหลังไม่ได้ เวลาเดินหลังตรงๆ จะปวดมาก


นางศิริอรกล่าวต่อว่า ตนยอมรับว่าด.ต.จักวาลเป็นคนชอบดื่ม แต่ก็จะไม่ดื่มถึงขนาดพูดจาไม่รู้เรื่อง และทุกครั้งที่ดื่มก็ไม่เคยมาดื่มให้ลูกให้เมียเห็นต่อหน้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวของตนมีผลกระทบเป็นอย่างมาก ถึงขนาดลูกๆ ไม่กล้าไปโรงเรียนเพราะกลัวเพื่อนนำไปล้อ ก็ได้แต่ให้กำลังใจไปว่ามันถึงคราวซวยของเรา ทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด


"ขอวิงวอนให้ทุกคนพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง ว่าทำไมคนที่ถ่ายคลิปถึงถูกเรียก เขาไปทำอะไรผิดมาไม่ใช่มาจ้องแต่จะจับผิดตำรวจ" นางศิริอรกล่าว

khaosod
Share it:

สังคมข่าว

Post A Comment:

0 comments: